Last updated: 14 พ.ย. 2568 | 29 จำนวนผู้เข้าชม |
วิธีการที่มิจฉาชีพใช้ในการโทรจากประเทศหนึ่ง (เช่น ประเทศ N สมมติ) แต่ทำให้เบอร์ที่ปรากฏเป็นเบอร์ของอีกประเทศหนึ่ง (เช่น A สมมติ) เรียกว่า Caller ID Spoofing ซึ่งส่วนใหญ่มักทำผ่านเทคโนโลยี VoIP (Voice over Internet Protocol) ครับ
---Caller ID Spoofing ผ่าน VoIP
1. การใช้เทคโนโลยี VoIP:
มิจฉาชีพจะใช้บริการโทรศัพท์ที่ส่งสัญญาณเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP) แทนการใช้เครือข่ายโทรศัพท์แบบดั้งเดิม
บริการ VoIP หลายรายอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดหมายเลขโทรศัพท์ขาออก (Caller ID) ที่จะปรากฏบนเครื่องของผู้รับสายได้
2. การปลอมแปลงเบอร์ (Spoofing):
ในการโทรออกผ่านระบบ VoIP ผู้โทรสามารถส่งข้อมูล Caller ID ที่เป็นเท็จไปพร้อมกับการโทรนั้นได้
เมื่อผู้รับสายเห็นเบอร์โทรเข้า ระบบจะแสดงหมายเลขที่ถูกปลอมแปลงนั้น (เช่น เบอร์ที่ดูเหมือนมาจากยกตัวอย่างสมมติ อเมริกา) ทั้งที่จริง ๆ แล้วการโทรอาจเริ่มต้นจากที่ใดก็ได้ในโลกที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (เช่น ยกตัวอย่าง ไนจีเรีย)
3. ลักษณะการทำงาน:
มิจฉาชีพไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศที่ใช้เบอร์โทรนั้นจริง ๆ
พวกเขาจะซื้อหรือใช้บริการ VoIP ที่มีความสามารถในการปรับแต่ง Caller ID ไปเป็นหมายเลขโทรศัพท์ใด ๆ ก็ได้ตามที่ต้องการ (เช่น หมายเลขโทรศัพท์บ้าน/มือถือของประเทศเป้าหมาย หรือแม้กระทั่งเบอร์ของหน่วยงานราชการ/ธนาคาร)
***คุณสามารถโทรกลับเบอร์ที่ถูกปลอมแปลงนั้นได้ครับ แต่ มันจะไม่ได้เป็นการโทรกลับไปยังมิจฉาชีพที่โทรหาคุณแต่แรก
เหตุผลที่คุณโทรกลับไปหาคนร้ายไม่ได้
เบอร์ถูกปลอมแปลง (Spoofed Number):
เบอร์ที่คุณเห็นบนหน้าจอคือเบอร์ที่มิจฉาชีพ "ยืม" หรือ "ปลอม" ขึ้นมาใช้ชั่วคราวผ่านระบบ VoIP
เบอร์นั้นอาจเป็นเบอร์จริงของบุคคลอื่น, เบอร์ที่ไม่มีอยู่จริง, หรือเบอร์ที่ไม่ได้ใช้งาน
ปลายทางที่แท้จริง (Actual Destination):
เมื่อคุณโทรกลับ (Dial back) สัญญาณโทรศัพท์ของคุณจะวิ่งไปยังเจ้าของเบอร์ตัวจริงที่ถูกปลอมแปลง หรือไปยังระบบโทรศัพท์ที่เบอร์นั้นสังกัดอยู่
มันจะไม่ได้เชื่อมต่อกลับไปยังระบบ VoIP หรือหมายเลขปลายทาง